thatsanderskid.com
ศ. 2507 ข้อ 5 (1) โดยไม่ต้องรอสอบปากเปล่าผ่าน แต่ถ้าไม่ได้สำเร็จการศึกษาจาก 5 สถาบันข้างต้น จะถือเป็นผู้สมัครตามข้อบังคับเนติบัณฑิตยสภา พ.
จำแนวคำตอบข้อสอบเก่ามาตอบโดยไม่เข้าใจในสิ่งนั้น ขาดการวิเคราห์ และจำคัดลอกมา ใส่ในการสอบ ทั้งที่ข้อสอบที่สั่งให้ทำนั้น คลาดเคลื่อนจากข้อสอบเก่าที่เราจำมาตอบ เช่น จำ มาว่าเวลาขอปิดหมาย ส่งหมาย อ้างถึงภูมิลำเนาจำเลยจำมาว่าต้องอ้างสำเนาทะเบียนบ้านเท่านั้น ทั้ง ที่ข้อสอบรุ่นนั้นให้ส่งหมายไปถึงกรณีมีนิติบุคคลเป็นจำเลยด้วย หรือ เช่น มีจำเลยหลายคน จำในข้อ สอบเก่าเขียนไปเขียนถึงจำเลยคนเดียว แบบนี้ เหมือนกับว่าไม่ได้คิด วิเคราะห์ในการทำข้อสอบเลย 2. ในการศึกษาจากข้อสอบเก่านั้น ดู ผ่านตา อ่านเอาเข้าใจจริง แต่ไม่เคยหัดเขียน หัดทำข้อสอบ เก่าเลย จึงไม่ค่อยได้คิด ได้วิเคราะห์เลย แน่นอนพอมาเวลาสอบจริงก็นั่งใบ้กันสักพักกว่าจะได้ลง มือเขียนไม่รู้จะเริ่มจากต้นจนจบอย่างไร แต่สุดท้ายก็แถมาได้จนจบและคิดว่าที่เราเขียนไปนี้ทำได้แน่ นอน ซึ่งเป็นการคิดว่าผ่านโดยไม่มีหลักประกันซะด้วย 3. คิดว่าในการทำข้อสอบเราเขียนมีหลักการเยอะ อ้างเอกสารท้ายฟ้อง เป็นทางการมาก ดังนั้นให้รู้สิว่า จะถึงกับไม่ผ่าน ซึ่งจริงๆแล้วต่อมาผลสอบออกมาไม่ผ่านจริงด้วย เรื่องนี้มีเหตุผลอยู่ครับ เขียนดีแค่ ไหน ถ้าผิดธง ผิดประเด็น ผิดทุกอย่างที่เขามีธงของเขาไว้แล้วครับ จบเลย!!
มีหลายคนถามกันมากเยอะมากว่าเรียนจบคณะ "นิติศาสตร์" สามารถเป็นอะไรได้บ้าง หลายคนก็บอกว่ากลัวเรียนไปแล้ว จะไม่มีงานทำก็มี พี่เองก็ไปถามรุ่นพี่ที่เรียนจบนิติฯ หลายคนก็บอกว่า ไม่รู้จะบอกยังไงดี เพราะสายงานมันกว้างมากๆ สามารถทำได้หลายอย่าง แล้วแต่ความชอบของเราด้วย วันนี้ พี่วุฒิ เลยรวบรวม 10 อาชีพสุดฮิตของคนจบนิติศาสตร์ มาให้น้องๆ ชาว ได้ทราบกันครับ Via 1. นิติกร พอเรียนจบใหม่ๆ บัณฑิตนิติศาสตร์หลายคนก็อาจจะยังไม่มีใบอนุญาตว่าความ (ตั๋วทนายความ) อาชีพ "นิติกร" จึงถือเป็นอาชีพสุดฮิตที่เด็กจบใหม่ๆ เลือกที่จะทำ และถือว่าตรงสายวิชาที่เรียนมา และหน้าที่หลักๆ ก็คือ ทำงานทุกด้านที่เกี่ยวกับกฎหมาย แต่จะไม่สามารถไปว่าความเหมือนกับทนายได้ โดยจะดูแลงานเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายองค์กรและระหว่างหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น 2. ทนายความ พอพูดถึงคณะนิติศาสตร์แล้ว อาชีพแรกเลยที่หลายคนต้องนึกถึงก็คือ "ทนายความ" ซึ่งเหมือนเป็นหน้าตาของคณะเลยก็ว่าได้ เพราะว่าคนจะเป็นทนายความ จะต้องจบคณะนี้เท่านั้น! แต่ไม่ใช่ว่าเรียนจบแล้วจะสามารถเป็นทนายความได้เลย เหล่าบัณฑิตจบใหม่จะต้องผ่านการอบรมจากสภาทนายความก่อน และเมื่อผ่านแล้วก็จะได้ใบอนุญาตว่าความ (ตั๋วทนาย) และหน้าที่หลักๆ ของทนายความก็คือ คอยดำเนินการแทนลูกความในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมเอกสารเกี่ยวกับกฎหมาย ว่าความ ดำเนินกระบวนการพิจารณาต่างๆ โดยหัวใจหลักของทนายความก็คือ การผดุงความยุติธรรมนั่นเอง 3.
คำฟ้องเป็นส่วนที่ทุกคนต้องเขียนให้ได้ครับ (แม้จะได้คะแนนน้อยเพราะถูกหักคะแนนเยอะก็ตาม) คะแนนประมาณ 35 คะแนน ส่วนฟ้องอาญาง่ายกว่าฟ้องแพ่งแต่คะแนนก็น้อยกว่าด้วยประมาณ 15 คะแนน 2. หนังสือบอกกล่าว คำร้อง คำขอ คำแถลง หนังสือต่างๆ สัญญา แม้จะมีคะแนนน้อยสำหรับหนังสือบอกกล่าวและสัญญาจะมีคะแนนประมาณ 10 คะแนน คำร้องต่างๆประมาณ 5-7 คะแนน แต่สิ่งเหล่านี้มีหลายข้อครับรวมคะแนนเล่นๆกัน 10(หนังสือบอกกล่าว) + 7 + 7 + 6 = 30 คะแนน ยังไม่รวมคะแนนคำฟ้องแพ่งกับอาญาเลยครับ และข้อย่อยพวกนี้ถ้าเราแม่นหน่อยการหักคะแนนจะมีจุดหักน้อยกว่าครับลองชั่งใจดูว่ามีความสำคัญหรือไม่อย่างไร เพราะบางท่านไม่ให้ความสำคัญคิดว่าคำฟ้องจะทำให้ผ่านได้แต่คำฟ้องก็เป็นตัวฉุดคะแนนได้เช่นกันลองเขียนผิดใหญ่ๆสักประเด็นครับแล้วจะรู้ว่าคะแนนหายเกือบครึ่งครับ 3.
รวบรวม สกัดหลักจากคำบรรยาย ฝึกอบรมตั๋วทนาย, อื่นๆ และ/หรือ จากสมาชิกเว็บไซต์ ที่ร่วมแบ่งปันข้อมูล. --------------------------------------------------------------------- - เยี่ยมชม/ดาวน์โหลด: 2292 ครั้ง