บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
- การเมือง - เปิดปฏิบัติการ‘แจ็กผู้ฆ่ายักษ์’!หมอระวีร้องศาลรธน.ล้ม
- เลือกตั้งบัตร 2 ใบ พรรคใหญ่ตีปีก ‘พรรคเล็ก’สูญพันธุ์
ปัดเศษ หรือ ส. ที่เสียงไม่ถึง ส่วนแนวคิดพรรคก้าวไกลที่เสนอให้คิดคำนวณ ส. บัญชีรายชื่อ แบบจัดสรรปันส่วนผสม เหมือนประเทศเยอรมนี ที่ผ่านมาได้เป็นชุด กมธ. ร่างรัฐธรรมนูญ 50 มีใช้บัตรเลือกตั้งสัดส่วน 2 ใบ มีข้อยุ่งยากมากและจำนวน ส. ก็ระบุได้ไม่แน่นอน วิธีการคำนวณ ก็สลับซับซ้อน จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นหนักกว่าบัตรใบเดียวอีก ในเมื่อเพิ่งจะแก้ปัญหาบัตรใบเดียวและจะใช้บัตร 2 ใบในระบบสัดส่วน แบบนี้ยิ่งยุ่งไปใหญ่ ส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วย เพราะรู้ถึงความยุ่งยาก ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก. ก. ) พ รรค พปชร. มองเห็นแล้วก็เชื่อมั่นว่าตัวเองมีความได้เปรียบในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในสัดส่วน ส. เขตที่ได้เสนอระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ และให้ใช้สัดส่วน ส. เขต 400 คน และ ส. บัญชีรายชื่อ 100 คน ที่จะต้องแบ่งเขตให้พื้นที่มีขนาดเล็กลง ด้วยอำนาจที่มีอยู่ ทั้งอำนาจรัฐ อำนาจทุน และเครือข่ายอิทธิพลต่างๆ ก็คิดว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากระบบที่ตัวเองเสนอ ซึ่งเป็นระบบที่พรรคเพื่อไทย (พท. ) ก็คาดหวังว่าตัวเองจะได้ประโยชน์จากส่วนนี้ด้วย ระบบเลือกตั้งที่ พปชร. และ พท. เสนอคือ ระบบแบบคู่ขนาน ที่ให้ประชาชนเลือก ส. เขต และ ส. บัญชีรายชื่อแยกกัน เป็นระบบเลือกตั้งที่ถูกออกแบบในยุคที่คนเบื่อรัฐบาลผสมหลากหลายพรรค และต้องการจะให้เกิดระบบสองพรรคใหญ่ เพราะคิดว่าจะทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น แต่เมื่อใช้ไปแล้วก็มีข้ออ่อน ที่จะต้องแก้ไขที่สำคัญมากๆ คือระบบแบบนี้ไปทำให้เสียงสนับสนุนจากประชาชนของพรรคการเมืองที่ได้อันดับสองและอันดับสามถูกตัดทิ้งน้ำไปหมด และทำให้พรรคการเมืองที่ชนะได้จำนวน ส.
การเมือง - เปิดปฏิบัติการ‘แจ็กผู้ฆ่ายักษ์’!หมอระวีร้องศาลรธน.ล้ม
เลขาฯ กมธ. วิสามัญพิจารณาร่าง พ. ร. ป. ชม หน. พลังธรรมใหม่ พยายามยื่นศาลรธน. ตีความบัตร 2 ใบ ยันการแก้ไขเคารพเจตจำนงประชาชน ระบุเร่งเครื่องทำงาน ด้าน หน. พลังธรรมใหม่ มั่นใจแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์จะประสบความสำเร็จ ส่วน ปธ. กมธ. ยันไม่กังวลและไม่กระทบต่อการพิจารณา ขณะที่ 'ธีรัจชัย' แย้ม หลายพรรค-ส. ว. หันมาสนใจ ระบบ MMP 11 เม. ย. 2565 จากเมื่อวันที่ 8 เม. ที่ผ่านมา ระวี มาศฉมาดล ส. ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบขัดรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นโมฆะหรือไม่ นั้น ล่าสุดวันนี้ (11 เม. ) นิกร จำนง ส. บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ. ) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส. (ฉบับที่…) พ. ศ…. รัฐสภา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนขอชื่นชมในการต่อสู้ตามความเชื่อของ ระวี แต่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่มีผลให้การทำงาของกมธ. พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ. ป. ) ที่เสนอให้แก้ไขร่าง พ. เลือกตั้ง ส. และร่าง พ. พรรคการเมือง ซึ่งต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.
ระวี กล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะรับวินิจฉัยหรือไม่ ซึ่งจะรับหรือไม่รับขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ 60 กับมาตรา 213 ที่ระบุว่ากลุ่มส. พรรคเล็กถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพจากรัฐธรรมนูญฉบับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หากศาลเห็นชอบกับคำร้องดังกล่าว และมองว่าฝ่ายพรรคเล็กเป็นผู้เสียหาย และเป็นผู้ถูกละเมิดจริง ศาลจะรับวินิจฉัย แต่หากศาลวินิจฉัยว่าไม่ใช่ ตนและพรรคเล็กก็จะจบเรื่องดังกล่าวทันที " ผมมั่นใจสูงว่าปฎิบัติการแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์จะประสบความสำเร็จ เพราะได้พูดคุย ปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมายระดับประเทศมาหลายท่าน ได้แนะนำในการร่างคำร้อง ซึ่งก็มีเหตุผล มีน้ำหนักระดับหนี่ง รัฐธรรมนูญฉบับ 2 ใบ ขัดและแย้งต่อเจตนารมณ์หลัก 3 ประการของรัฐธรรมนูญ 2560 คือ เจตนารมณ์ ส. พึงมี คะแนนเสียงไม่ตกน้ำ และระบบจัดสรรปันส่วนผสม และขัดและแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 หลายมาตรา " นพ. ระวี กล่าว
เผยแพร่: 17 ก. ย. 2564 17:53 ปรับปรุง: 17 ก. 2564 17:53 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ "ปัญญาพลวัตร" "พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต" การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งที่ผ่านมามีสองประเด็นหลักคือ การจัดสรรจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส. ส. )ใหม่ระหว่าง ส. แบบเขตเลือกตั้งและ ส. แบบบัญชีรายชื่อ กับการกำหนดบัตรเลือกตั้งใหม่จากเดิมใช้บัตรใบเดียวมาเป็นบัตรสองใบ อย่างไรก็ตามผลสืบเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังมีประเด็นที่อาจก่อให้เกิดการถกเถียงตามมา และอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประเด็นที่อาจก่อให้เกิดการถกเถียงคือ การคิดจำนวน ส. ว่าจะคำนวณอย่างไร ในรัฐธรรมนูญปี 2560 การคิดจำนวน ส. คิดจากคะแนนเสียงที่ ส. แต่ละคนได้รับมารวมกันเป็นคะแนนรวมของพรรค จากนั้นนำมาคำนวณเป็นจำนวน " ส. พึงมี " ของแต่ละพรรค ขณะที่ระบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบที่แก้ครั้งนี้ หากดูจากเจตนารมณ์ของผู้เสนอแก้ไข คือ ต้องการคิดคะแนนแบบ "แยกขาด" ระหว่าง ส. เขต และ ส. บัญชีรายชื่อ แต่การที่ผู้เสนอแก้มิได้ไตร่ตรองให้รอบคอบ ทำให้ไม่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ครบทุกมาตราที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ระบบการคำนวณ ส. แบบเดิมยังคงอยู่ในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตราที่ว่าด้วยการคำนวณ "จำนวน ส.
เลือกตั้งบัตร 2 ใบ พรรคใหญ่ตีปีก ‘พรรคเล็ก’สูญพันธุ์
แต่ก็พออนุมานวิธีการคำนวณได้ดังนี้ 1) นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตหารด้วย ส. บัญชีรายชื่อ (100) 2) นำผลลัพธ์ตาม ข้อ 1. ไปหารจำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศของแต่ละพรรคการเมืองเพื่อหาจำนวน ส. ที่พรรคการเมืองจะมีได้ หรือถ้าแปลงเป็นสูตรทางคณิตศาสตร์ คือ คะแนนเสียงของพรรค ÷ คะแนนเสียงรวม x จำนวน ส. บัญชีรายชื่อ = จำนวน ส. บัญชีรายชื่อ ยกตัวอย่างเช่น พรรค ก. ได้คะแนน 20 ล้านเสียง พรรค ข. ได้คะแนน 10 ล้านเสียง พรรค ค. ได้คะแนน 5 ล้านเสียง พรรค ง. ได้คะแนน 5 ล้านเสียง ส. บัญชีรายชื่อ พรรค ก. = 20, 000, 000 ÷ 40, 000, 000 x 100 = 50 คน เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
- วิพากษ์บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ‘พปชร.-ก้าวไกล’ ใครได้ใครเสีย
- บัตร 2 ใบกับอนาคตพรรคการเมือง
- บัตรเลือกตั้ง2ใบ - YouTube
บัญชีรายชื่อเหมือนบัตรใบเดียว สำหรับรายละเอียดของระบบเลือกตั้ง ที่ใช้บัตร 2 ใบ ตามร่างแก้ไขที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอนั้น ระบุว่า พรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยเขต ให้มีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อได้ ส่วนการคำนวณสัดส่วนผู้ได้เป็นส. บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งมารวมกันทั้งประเทศ แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรค พรรคใดได้คะแนนเสียงน้อยกว่าร้อยละ 1 ของจำนวนคะแนนเสียงรวมทั้งประเทศ ถือว่าไม่ได้ ส. บัญชีรายชื่อ การเสนอแก้ไขให้ใช้ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ มาจาก "บทเรียน" การเลือกตั้ง เมื่อ 24 มี. ค. 2562 ผ่านมา ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ทำให้ "พรรคอนาคตใหม่" ในขณะนั้น ก่อนเปลี่ยนเป็น "ก้าวไกล" ได้ ส. บัญชีรายชื่อเป็นกอบเป็นกำ จากกระแสนิยม "คน รุ่นใหม่" ขณะเดียวกัน ระบบ "เลือกตั้งบัตรใบเดียว" ยังทำให้ "พรรคเล็ก" ได้ที่นั่งส. เข้าสภาฯ กันเป็นทิวแถว เมื่อได้ "เข้าร่วมรัฐบาล" ก็มักต่อรองผลประโยชน์ เรียกร้องอะไรต่างๆ จนเกิดปรากฏการณ์ "คนเลี้ยงลิง" ด้วย "กล้วย" ขึ้นอยู่เป็นประจำ ดังนั้น การใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จึงต้องการปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยให้ประชาชนสามารถ "เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ" ได้ตามต้องการ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. )
เขต (150, 000) เป็น 4 เท่า จึงทำให้จังหวัด B มี ส. เขต 2 คน ถ้าจังหวัด C มีราษฎร 290, 000 คน จังหวัด C จะมี ส. เขต 1 คน เพราะแม้จังหวัด C จะมีจำนวนราษฎรมากกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างจำนวนราษฎรกับจำนวน ส. เขต (150, 000) แต่เมื่อนำค่าเฉลี่ยไปหารกับจำนวนราษฎรในจังหวัด C แล้ว ได้แค่ 1 พร้อมกับเหลือเศษ ดังนั้น จึงให้มี ส. เขต เพียงแค่ 1 คน แต่จังหวัด C ก็ยังมีโอกาสที่จะมี ส. เขต เพิ่มอีก 1 คน ในกรณีที่ยังจัดสรรจำนวน ส. เขต ทั่วประเทศ ไม่ครบ 400 คน และจังหวัด C ต้องมีเศษเหลือจากการคำนวนที่นั่ง ส. เขต มากที่สุด +บัตรใบที่สอง เลือก "พรรคการเมือง" ใช้คำนวณ ส. บัญชีรายชื่อ+ ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ กมธ. บัญชีรายชื่อ ไว้ในมาตรา 91 โดยกำหนดว่า การคำนวณสัดส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งตามบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองให้นำคะแนนที่พรรคการเมืองได้รับการเลือกตั้งมารวมกันทั้งประเทศแล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรค เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับจำนวนคะแนนร่วมข้างต้น ทั้งนี้ แม้ว่า มาตรา 91 จะไม่ได้กำหนดขั้นตอนแบบละเอียด และให้ไประบุรายละเอียดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.